Tenses
กาล
Tense คือ รูปแบบของคำกริยาที่ใช้บรรยายเหตุการณ์และการกระทำที่เกิดขึ้นในช่วงต่างๆ ของการกระทำนั้น
การจะเรียนรู้ไวยากรณ์อังกฤษ (English Grammar) ให้เก่งนั้น จะต้องเข้าใจเรื่องของกาล (Tense) ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของเวลาด้วย เพื่อที่จะได้รู้ว่าการกระทำที่กล่าวขึ้นนั้นเกิดขึ้นเมื่อใด จะได้นำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง ดังนี้
Present Tenses 4 รูป
Present Simple Tense ประธาน + V1 (s, es)
Present Continuous Tense ประธาน + is, am, are + V-ing
Present Perfect Tense ประธาน + has, have + V3
Present Perfect Continuous Tense ประธาน + has, have + been + V-ing
Past Tenses 4 รูป
Past Simple Tense ประธาน + V2
Past Continuous Tense ประธาน + was, were + V-ing
Past Perfect Tense ประธาน + had + V3
Past Perfect Continuous Tense ประธาน + had + been + V-ing
Future Tenses 4 รูป
Future Simple Tense ประธาน + will, shall + V1
Future Continuous Tense ประธาน + will, shall + be + V-ing
Future Perfect Tense ประธาน + will, shall + have + V3
Future Perfect Continuous Tense ประธาน + will, shall + have + been + V-ing
รูปแบบ
Should Somchai go to school now? สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ใช่ไหม
การใช้
Present Simple Tense
โครงสร้าง
ประธาน (Subject) + กริยา (Verb) ช่องที่ 1
รูปแบบ
บอกเล่า คำถาม ปฏิเสธ
I
|
กริยา
ไม่มี
s, es
|
Do
|
I
|
กริยา
ไม่มี
s, es ?
|
I
|
do not (don’t)
|
กริยา
ไม่มี
e, es
| ||
You
|
you
|
You
| |||||||
We
|
we
|
We
| |||||||
They
|
they
|
They
| |||||||
He
|
กริยามี
s หรือ es
|
Does
|
he
|
He
|
does not
(doesn’t)
| ||||
She
|
She
|
She
| |||||||
It
|
it
|
It
|
การใช้
Ø เมื่อเป็นเหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นจริงโดยทั่วไป
Ø เมื่อเป็นการบรรยายเหตุการณ์
หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในขณะที่พูด
Ø เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นกิจวัตรทั้งอดีต
ปัจจุบันและอนาคต
Ø เป็นการกระทำที่กำหนดไว้แน่นอนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
หมายเหตุ
Ø ประธานที่เป็นเอกพจน์กริยาต้องเติม
s, es
Ø ประโยคบอกเล่าจะใช้กริยาช่วยในกรณีต้องการเน้น
ปกติจะไม่ใช้
Ø สำหรับ Verb to be ที่เป็นกริยาหลัก โดยปกติจะไม่ใช้กริยาช่วย
ไม่ว่าในประโยคคำถามหรือประโยคปฏิเสธ
Example
กริยาแท้
Verb
to be (is, am, are)
is am
are ที่ยกตัวอย่างนี้ เป็นกริยาแท้ (เพราะมีตัวเดียวในประโยค
ไม่ได้ไปเสริมกับกริยาตัวอื่น)
บอกเล่า
|
She is a doctor. หล่อนเป็นหมอ
|
ปฏิเสธ
|
She is not a doctor. หรือ She
isn’t a doctor. หล่อนไม่เป็นหมอ
|
คำถาม
|
Is
she a doctor? หล่อนเป็นหมอใช่ไหม
|
คำตอบ
|
Yes, she is. / No, she isn’t. หรือ No, she is not. ใช่ / ไม่ใช่
|
บอกเล่า
|
I am a student. ฉันเป็นนักเรียน
|
ปฏิเสธ
|
I am not a student..หรือ I’m
not a student. ฉันไม่เป็นนักเรียน
|
คำถาม
|
Are
you a student? ฉันเป็นนักเรียนใช่ไหม
|
คำตอบ
|
Yes, I am. / No, I’m not. หรือ
No, I am not. ใช่ ไม่ใช่
|
บอกเล่า
|
You are a tiger. คุณเป็นเสือ
|
ปฏิเสธ
|
You are not a tiger. หรือ You
aren’t a tiger. คุณไม่เป็นเสือ
|
คำถาม
|
Am
I a tiger? ฉันเป็นเสือใช่ไหม
|
คำตอบ
|
Yes, you are. / No, you are not. หรือ No, you aren’t. ใช่/ ไม่ใช่
|
กริยาแท้
Verb
to have (Have, Has)
กริยาตัวนี้
ถ้าเป็นกริยาแท้ในประโยค ไม่ควรเอานำหน้าเพื่อทำเป็นประโยคคำถาม ถึงแม้จะถูกต้องตามไวยากรณ์
แต่ก็ไม่นิยมใช้กันแล้วการสร้างประโยคคำถามและปฏิเสธให้เอา Do กับ Does มาใช้
บอกเล่า
|
He has a car. เขามีรถ
|
ปฏิเสธ
|
He does not have a car. หรือ
He doesn’t have a car. เขาไม่มีรถ
|
คำถาม
|
Does
he have a car? เขามีรถใช่ไหม
|
คำตอบ
|
Yes, he does. / No, he does not. หรือ No, he doesn’t. ใช่/ ไม่ใช่
|
บอกเล่า
|
They have a cat. พวกเขามีแมว
|
ปฏิเสธ
|
They do not have a cat. หรือ
They don’t have a cat. พวกเขาไม่มีแมว
|
คำถาม
|
Do
they have a car? พวกเขามีแมวใช่ไหม
|
คำตอบ
|
Yes, they do. / No, they do not. หรือ No, they don’t. ใช่/ ไม่ใช่
|
กริยาช่วย can, should, must
บอกเล่า
|
A dog can swim. หมาสามารถว่ายน้ำได้
|
ปฏิเสธ
|
A dog cannot swim. หรือ A
dog can’t swim. หมาไม่สามารถว่ายน้ำได้
|
คำถาม
|
Can
a dog swim? หมาว่ายน้ำได้ใช่ไหม
|
คำตอบ
|
Yes, a dog can. / No, a dog cannot. หรือ No, a dog can’t. ใช่/ ไม่ใช่
|
บอกเล่า
|
Somchai should go to school now. สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้
|
ปฏิเสธ
|
Somchai should not go to school now. หรือ Somchai shouldn’t go to school now.
สมชายไม่ควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้
|
คำถาม
|
Should
Somchai go to school now? สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ใช่ไหม
|
คำตอบ
|
Yes, Somchai should. / No, Somchai should
not. หรือ No,Somchai shouldn’t. ใช่/
ไม่ใช่
|
บอกเล่า
|
She must go. หล่อนต้องไป
|
ปฏิเสธ
|
She must not go. หรือ She
mustn’t go. หล่อนต้องไม่ไป
|
คำถาม
|
Must
she go? หล่อนต้องไปใช่ไหม
|
คำตอบ
|
Yes, She must. / No, she must not. หรือ No, she mustn’t. ใช่/ ไม่ใช่
|
ถ้าไม่มีกริยาช่วยในประโยคให้เอา
Do กับ Does มาใช้ในประโยคคำถาม
Do + ประธานพหูพจน์ Does + ประธานเอกพจน์
บอกเล่า
|
I eat a banana. ฉันกินกล้วย
|
ปฏิเสธ
|
I do not eat a banana. หรือ I don’t eat a banana. ฉันกินกล้วย
|
คำถาม
|
Do
I eat a banana? ฉันกินกล้วย
|
คำตอบ
|
Yes, I do. / No, I do not. หรือ
No,I don’t. ใช่/ ไม่ใช่
|
บอกเล่า
|
They go to school by bus. พวกเขาไปโรงเรียนโดยรถบัส
|
ปฏิเสธ
|
They do not go to school by bus. หรือ They don’t go to school by bus. พวกเขาไม่ไปโรงเรียนโดยรถบัส
|
คำถาม
|
Do
they go to school by bus? พวกเขาไปโรงเรียนรถบัสใช่ไหม
|
คำตอบ
|
Yes, they do. / No, they do not. หรือ No,they don’t. ใช่/ ไม่ใช่
|
บอกเล่า
|
He goes to school. เขาไปโรงเรียน
|
ปฏิเสธ
|
He does not go to school. หรือ
He doesn’t go to school.
เขาไม่ไปโรงเรียน
|
คำถาม
|
Does
he go to school? เขาไปโรงเรียนใช่ไหม
|
คำตอบ
|
Yes, he do. / No, he does not. หรือ No,he doesn’t. ใช่/ ไม่ใช่
|
คำบอกเวลาแสดงการใช้
Present
simple tense
คำเดียว
|
กลุ่มคำ
|
|
Always
Often
Usually
Frequently
Generally, normally
Sometimes
Occasionally
Nowadays
Rarely
Hardly
seldom
|
เสมอ
บ่อยๆ
มักจะ
บ่อยๆ
โดยทั่วไป
บางครั้ง
บางคราว
ทุกวันนี้
นานๆ ครั้ง
แทบจะไม่
|
Every day (week, month, year)
One a week = สัปดาห์ละครั้ง Twice a day = วันละ 2 ครั้ง
On Sundays = ทุกวันอาทิตย์
(on
+ วัน + s = ทุกวัน.......)
|
หลักการใช้ Present simple
tense
1.
บรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ กิจวัตร
§ I usually get
up at 6.00 a.m.
ปกติฉันตื่นนอนตอน
6 โมงเช้า
§ Students sometimes
go to class late.
บางครั้งนักเรียนมาเรียนสาย
§ Niti plays
tennis every weekend.
นิติเล่นเทนนิสทุกวันหยุด
2.
บรรยายเหตุการณ์ที่เป็นจริงตลอดกาล
§ The sun rises
in the east and sets in the west.
3.
บรรยายความสามารถ ข้อมูลที่เป็นจริงในปัจจุบัน
และตารางเวลา
§ My father works
as a vice-president of that company.
พ่อของฉันเป็นรองประธานบริษัท (บอกข้อมูล)
§ My daughter plays
the piano very well.
ลูกสาวของฉันเล่นเปียโนเก่งมาก (บอกความสามารถ)
§ My family lives
near the river.
ครอบครัวของฉันอาศัยอยู่ริมแม่น้ำ (บอกข้อมูล)
§ The last train leaves
at midnight.
รถไฟเที่ยวสุดท้ายออกเวลาเที่ยงคืน (บอกตารางเวลา)
ใช้ Present simple tense
หลังคำเชื่อมเหล่านี้ เพื่อบรรยายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
When
+
|
Present
simple,
|
Future
simple
|
When
As
soon as
After
If/Unless
|
I
see him,
|
I’ll
phone you.
|
Future simple
|
Until +
|
Present simple
|
I’ll wait
|
Until
|
I see him.
|
เช่น
§ Malee will call
you as soonas she arrives.
มาลีจะโทรหาคุณทันที่ที่เธอมาถึง
§ I will stay home
if it rains.
ฉันจะอยู่บ้านถ้าฝนตก
การสร้างคำถามโดยใช้ Wh-Question
(Who, What, Where, When, Why, How) ทำได้โดยเอาคำเหล่านี้นำหน้าประโยคคำถามด้านบน
แต่ต้องตัดคำที่จะเป็นคำตอบออกด้วย เช่น
Is she a doctor? หล่อนเป็นหมอใช่ไหม
- Who is she? หล่อนเป็นใคร (ตัดหมอออก เพราะต้องการคำตอบเป็นบุคคล)
- She is a doctor. หล่อนเป็นหมอ
Do they have a car? พวกเขามีรถใช่ไหม
- What do they have? พวกเขามีอะไร (ตัดรถออกเพราะต้องการคำตอบสิ่งของ)
- They have a car. พวกเขามีรถ
Does he go to school? เขาไปโรงเรียนใช่ไหม
- Where does he go? พวกเขาไปที่ไหน (ตัดโรงเรียนออก เพราะต้องการคำตอบสถานที่)
- He goes to school. เขาไปโรงเรียน
Should Somchai go to school
now? สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ใช่ไหม
- When should Somchai go to school? สมชายควรจะไปโรงเรียนเมื่อไหร่
(ตัดเดี๋ยวนี้ เพราะต้องการคำตอบที่เป็นเวลา)
- Shomchai should go to school now. สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้
Should Somchai go to school now? สมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ใช่ไหม
- Why should Somchai go to school now? ทำไมสมชายควรจะไปโรงเรียนเดี๋ยวนี้ (ไม่ตัดอะไรเลย เพราะคำตอบไม่ได้อยู่ในประโยค)
- Because he will be late. เพราะว่า เขาจะไปสาย
Present
Continuous Tense
โครงสร้าง
ประธาน (Subject) + is, am, are+ กริยา (Verb) ช่องที่ 1 เติม ing
รูปแบบ
บอกเล่า คำถาม ปฏิเสธ
I
am
|
V.ing
|
Am
|
I
|
กริยา
ไม่มี
s,
es ?
|
I
am not
|
|||
He
|
Is
|
he
|
He
She
is not
It
|
V.ing
|
||||
She
is
|
she
|
|||||||
It
|
it
|
|||||||
We
|
Are
|
we
|
We
You
are not
They
|
|||||
You
are
|
she
|
|||||||
They
|
they
|
การใช้
· เมื่อเป็นเหตุการณ์หรือการกระทำ
ที่กำลังดำเนินอยู่อาจจะมี Adverb ในรูปคำหรือกลุ่มคำปรากฏอยู่ด้วย
· ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
โดยมีคำที่บ่งบอกอนาคตปรากฏอยู่
· ใช้กับการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต
ปัจจุบันและต่อไปในอนาคต
· ใช้กับการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำซาก
หมายเหตุ
· ปกติถ้าเราใช้
He
always does something. (เขาทำอย่างนั้นทุกครั้ง)
แต่ถ้าใช้ He is always doing
something. (เขาทำอย่างนั้นบ่อยแต่ไม่ทุกครั้ง)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น